พูด อย่างไร...ให้เขารัก...... ทำ อย่างไร...ให้เขาชอบ
“พูดอย่างไร.....ให้เขารัก ทำอย่างไร......ให้เขาชอบ”
ทุกคนก็พูดเป็นแล้ว....ทำไมต้องฝึกพูด
คำถามนี้อาจจะเกิดขึ้นกับคนที่มีความมั่นใจว่าตัวเองพูดได้อยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าการพูดที่จะทำให้คนฟังรัก ชอบหรือเกลียด ไม่ใช่แค่เปล่งเสียงออกมาเป็นแค่คำพูดเท่านั้น แต่ต้องมีการฝึกฝน ศึกษา และแสวงหา
การพูด ถ้าไม่รู้จักระมัดระวัง คำพูดของเรา หรือปรับการพูดเพราะคิดว่า ฉันเป็นคนปากกับใจตรงกัน คิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น พังมาหลายรายแล้ว เราต้องยอมรับการปรับปรุงคำพูดของเราให้มีรสชาติที่น่าฟัง น่าเชื่อถือ น่าทำตามอย่างที่พูด
มีคนให้ความหมายเกี่ยวกับการพูดไว้มากมาย เช่น
การพูด เป็นการแสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกโดยใช้ภาษาและเสียงสื่อความหมาย
การพูด เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีอานุภาพมากที่สุดในโลก
การพูด เป็นสัญลักษณ์แห่งความเข้าใจระหว่างมนุษย์กับมนุษย์
ดังนั้น การพูดจึงมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน เรื่องของมนุษยสัมพันธ์ ย่อมจะต้องใช้การสื่อสารทางการพูดทั้งสิ้น เราคงไม่ปฏิเสธว่า คนที่มีความสามารถในการพูดเป็นที่ประทับใจของผู้ฟังมักจะได้รับความเคารพและศรัทธาจากคนฟัง เราคงไม่ปฏิเสธว่า คนที่คุยสนุกสนานในกลุ่มสนทนามักจะมีคนชอบคุยด้วยมากกว่าคนที่เงียบขรึม เราคงไม่ปฏิเสธว่าคนที่พูดแล้วสามารถชักจูงใจคนได้ มักจะมีโอกาสเป็นผู้นำมากกว่าคนที่ไม่มีความสามารถในด้านนี้ ดั่งคำพูดที่กล่าวว่า “ปากเป็นเอกเลขเป็นโท” และ สุนทรภู่ได้เขียนไว้ในนิราศภูเขาทองตอนหนึ่งว่า
“ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา”
ให้เข้าใจกันก่อนว่าอวัยวะที่อยู่ใต้จมูก เหนือคาง ระหว่างแก้ม คือ “ปาก” ที่ใช้ในสื่อสารสิ่งที่ออกมาจากใจ ถ้าไม่รู้จักควบคุมและใช้โดยที่ไม่ได้คิด จะทำให้เกิดความเสียหายต่อคนที่พูดและคนใกล้เคียง แต่คนที่เจ็บปวดที่สุดคือคนที่พูด เช่นเดียวกับไฟที่ลุกไหม้ จะเริ่มไหม้ที่ตัวมันเองก่อนและลุกลามไปถึงสิ่งรอบข้าง
มีคำที่กล่าวไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า “ถ้อยคำที่พูดถูกกาลเทศะ เหมือนผลแอปเปิ้ลทองคำล้อมด้วยเงิน” คำว่าทองคำ และเงินในที่นี้เปรียบเหมือนการพูดโดยใช้ปัญญา
การพูดจึงเป็นความจำเป็นของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ ถึงแม้สังคมของเราจะมีเทคโนโลยี เป็นสังคมออนไลน์ที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ถ้าไม่รู้จักการพูดหรือใช้ “ปาก” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพและสามารถเข้าไปถึงจิตใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ยากที่คนนั้นจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ มาถึงตรงนี้ ทุกคนยอมรับได้ว่าการพูดเป็นสิ่งที่จำเป็น และสามารถเรียนรู้กันได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีพรสวรรค์เฉพาะบางคนเท่านั้น แต่เป็นพรแสวงของคนที่ปรารถนาจะเรียนรู้ ฝึกฝน การพูดให้ได้ดั่งใจคิด และได้มิตรในการพูด เพราะการพูดนั้นเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
คนไทยเรามีสำนวนเกี่ยวกับการพูดไว้ไม่น้อยทีเดียว เช่น พูดดีเป็นศรีแก่ปาก หมายถึง คำพูดทำให้เกิดความเคารพนับถือ
พูดคล่องเหมือนล่องน้ำ หมายถึง พูดอย่างไม่ติดขัด พูดคล่องแคล่ว
พูดจนลิงหลับ หมายถึง พูดจาจนผู้ฟังเคลิบเคลิ้มตาม
พูดจนน้ำไหลไฟดับ หมายถึง พูดชนิดคล่องปรื๋อไม่ติดขัด
พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง หมายถึง พูดไปไม่มีประโยชน์ สู้นิ่งเสียดีกว่า
พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ หมายถึง พูดจาห้วนๆ ไม่มีความไพเราะ
ในหนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์ ได้บอกให้รู้จักควบคุมลิ้น เพราะว่าลิ้นเป็นอวัยวะเล็กๆ และเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการพูด แต่ในขณะเดียวกันลิ้นสามารถเป็นไฟได้ เมื่อพูดในสิ่งที่เป็นความบาป ชอบอวดอ้างเรื่องใหญ่โต “......สัตว์ทุกชนิด ทั้งนก ทั้งสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ในทะเลนั้นทำให้เชื่องได้.......แต่ลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำให้เชื่องได้......” (จากพระคริสตธรรมคัมภีร์) วันนี้ถ้าใครควบคุมลิ้นได้ ทุกอย่างในชีวิตก็สามารถควบคุมได้โดยอัตโนมัติ
|