เธอเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
ป้าสุนีย์หญิงชราที่ได้ชื่อว่าเป็นนักอธิษฐานและรักพระเจ้ามากเธอทุ่มเทชีวิต
ของเธอให้กับพระเจ้าเรื่องราวชีวิตของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าป้าสุนีย์แต่งงานกับลุงเฮา ชาวจีนแต้จิ๋วเมื่ออายุเพียง 18 ปีชีวิตแต่งงานของป้าค่อนข้างจะลำบากเนื่องจากมีลูกถึง 15 คน แต่ลูกสาว 2คนได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเล็ก และลูกชาย 1 คนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุป้าต้องทำงานหนักเพื่อช่วยสามีหาเงินมาเลี้ยงดูลูกๆแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอกับสมาชิกในครอบครัวที่มีจำนวนมาก
เนื่องจากป้าต้องทำงานหนักรวมทั้งต้องตั้งท้องลูก ๆ ถึง 15 คน มีเพียง 3คนที่คลอดอย่างถูกต้องตามวิธีการแพทย์แผนใหม่บวกกับบุคลิกที่เงียบขรึมไม่แสดงความรู้สึก ทำให้ป้าเครียดอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดเมื่ออายุประมาณ 45 ปีหมอที่โรงพยาบาลบอกว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะปลาย ในต้อนนั้นป้าต้องเข้า –ออกโรงพยาบาลเป็นประจำ การรักษาในสมัยนั้นยังไม่ดีเท่าสมัยนี้จนกระทั่งอายุ 47 ปีดูว่าจะหมดหวังแล้วหมอที่รักษาบอกให้ลูก ๆพาป้าไปตายที่บ้าน !ความทุกข์และความกังวลต่างๆรุมเร้าเข้ามาในครอบครัวทุกคนต่างก็เศร้าโศกเสียใจและจัดเตรียมสิ่งของต่าง ๆ เพื่อจัดงานศพให้ป้าเพราะคิดว่าป้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
วันหนึ่งขณะที่ป้าหลับก็ได้ฝันไปในความคิดของป้าความฝันช่างเหมือนความจริงเหลือเกินป้าฝันว่าตัวเองเดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแล้วก็เข้าไปทักทายผู้คนที่ได้พบแต่ก็ไม่มีใครได้ยินป้าเลยซักคน จนกระทั่งป้าได้พบชายชุดขาวมีหนวดเคราซึ่งป้าก็คิดว่านั่นคือพระเยซูคริสต์ ที่รู้จักพระองค์ก็เพราะลูก ๆเชื่อในพระเยซูคริสต์ ในตอนนั้นป้ายังไม่เชื่อแต่ป้าก็พอจะรู้บ้างว่าพระองค์เป็นใครจากเพื่อนๆของลูกสาวที่ได้มาอธิษฐานที่บ้านทุกวันอังคารถึงแม้ว่าป้าจะไม่ชอบแต่ก็มักจะให้ลูกชายทำอาหารเลี้ยงทุกครั้ง เมื่อป้ารู้แน่ว่าชายชุดขาวนั้นคือพระเยซูคริสต์ป้าดีใจและเดินไปบอกผู้คนให้ฟังพระเยซูพูดแต่ก็ไม่มีใครเห็นหรือได้ยินในสิ่งที่ป้าพยายามจะสื่อสาร เลยคิดในใจว่า “กลับบ้านดีกว่า จึงออกเดินเพื่อจะกลับบ้าน แล้วป้าก็ตื่นขึ้น ป้ามองเห็นเพื่อนๆของลูกที่มาจากโบสถ์มาอธิษฐานอยู่รอบตัวป้าแล้ว
หลังจากนั้นก็พาป้าไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คดูอีกครั้งเมื่อพบคุณหมอ หมอจึงทักว่า “อ้าว ! ยังไม่ตายเหรอ ”แต่ทุกคนก็เข้าใจในคำทักทายของคุณหมอเมื่อหมอตรวจดูอาการและรักษาป้าอย่างเต็มที่อีกครั้งไม่นานป้าก็กลับมาพักที่บ้านและไม่กี่เดือนจากนั้นป้าก็สามารถเดินไปไหนมาไหนได้และแห่งแรกที่ป้าเดินไปก็คือสถานประกาศของคริสเตียนซึ่งไม่ไกลจากบ้านของป้านักหลังจากนั้นไม่นานป้าก็ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดป้าอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์รวมทั้งไปนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์อย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาดป้ารู้สึกรักพระเจ้ามากด้วยพลังแห่งความรักของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ทรงมีความรักและความเมตตาต่อทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์ด้วยความจริงใจ
เมื่อผมได้เรียนบทเรียนทางชีวิตผมก็รู้สึกว่าชีวิตยังมีคุณค่าและมีความหวัง
เรียน พี่ ๆ ทีมงานสื่อมวลชนทางชีวิต หนังสือพลังอธิฐานที่พี่ส่งมาให้ผมได้รับแล้ว ผมต้องขอขอบพระคุณพี่ ๆ มาก ตนนี้ผมได้อ่านและอธิฐานในชีวิตประจำวันก่อนนอน ผมจะอธิฐานตอนที่เพื่อน ๆ หลับกันหมดแล้ว ตอนแรกผมคิดว่าชีวิตผมไม่มีค่าในความรู้สึกมีแต่ความท้อแท้ หมดหวัง หมดกำลังใจ มีชีวิตอยู่แบบไร้ญาติขาดมิตรมีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิตผมมากมาย
เมื่อผมได้เรียนบทเรียนทางชีวิตผมก็รู้สึกว่าชีวิตยังมีคุณค่าและมีความหวัง ผมคิดว่าคนเราถ้าทำสิ่งที่ดีแล้ว ชีวิตเราก็จะมีแต่สิ่งดี ๆ และชีวิตก็เป็นสิ่งที่มีค่าเสมอ ตอนนี้ผมมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมแล้ว เพราะผมได้อธิฐานและได้ต้อนรับพระเยซูคริสตเข้ามาในจิตใจ ได้อธิฐานขอให้พระองค์เป็นกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นที่จะอยู่ในมุมสี่เหลี่ยมอยู่ด้วยความชื่นชมยินดี
มนตรี
ดิฉันอยากได้สมุดโน๊ตและที่คั่นหนังสือฟรีเท่านั้น
ดิฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่ติดต่อกับสื่อมวลชนทางชีวิต เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ดิฉันได้ส่งจดหมาย มาเรียนบทเรียนทางไปรษณีย์ตอนอยู่ชั้น ป.3 เวลาผ่านมานานมาก ตอนนั้นดิฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เขียนจดหมายมาเพียงเพราะว่า ดิฉันอยากได้สมุตโน๊ต กับที่คั่นหนังสือฟรีเท่านั้น
จนเมื่อปี พ.ศ.2543 ดิฉันได้รับเชื่อพระเยซูที่คริสตจักรในจังหวัดลำพูน ดิฉันย้อนคิดกลับไป ดิฉันยังจำ ภาพระบายสี อาดัม เอวา บทเรียนพระคัมภีร์ได้ จนถึงทุกวันนี้ และในคำพยานชีวิตของดิฉันเวลาที่มีคนถามว่าเชื่อพระเจ้าได้อย่างไร ทุกครั้งที่ดิฉันตอบจะมีบทเรียนทางชีวิตและรายการเพื่อนคุณหนูอยู่ในคำพยานของดิฉันด้วยเสมอ
ดิฉันขอบคุณพระเจ้าสุดหัวใจของดิฉันในการทรงเรียกและเลือกดิฉันปัจจุบันดิฉันเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เป็นศิษยาภิบาลอยู่ที่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ดิฉันบุกเบิกคริสตจักรของพระเจ้า ร่วมกับมิชชันนารีเกาหลี ปัจจุบันนี้ดิฉันจบการศึกษาจากวิทยาลัยพระคริสตธรรมแมคกิลวารีมหาวิทยาลัยพายับแล้วค่ะ ที่ดิฉันเขียนจดหมายมานี้เพื่อขอบคุณพี่น้องทางชีวิตและอยากให้กำลังใจว่า เมล็ดแห่งข่าวประเสริฐที่ท่านหว่านนั้นเกิดผลแล้ว ดิฉันเชื่อว่ายังม�