เธอเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

ป้าสุนีย์หญิงชราที่ได้ชื่อว่าเป็นนักอธิษฐานและรักพระเจ้ามากเธอทุ่มเทชีวิต
ของเธอให้กับพระเจ้าเรื่องราวชีวิตของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าป้าสุนีย์แต่งงานกับลุงเฮา ชาวจีนแต้จิ๋วเมื่ออายุเพียง 18 ปีชีวิตแต่งงานของป้าค่อนข้างจะลำบากเนื่องจากมีลูกถึง 15 คน แต่ลูกสาว 2คนได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเล็ก และลูกชาย 1 คนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุป้าต้องทำงานหนักเพื่อช่วยสามีหาเงินมาเลี้ยงดูลูกๆแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอกับสมาชิกในครอบครัวที่มีจำนวนมาก

เนื่องจากป้าต้องทำงานหนักรวมทั้งต้องตั้งท้องลูก ๆ ถึง 15 คน มีเพียง 3คนที่คลอดอย่างถูกต้องตามวิธีการแพทย์แผนใหม่บวกกับบุคลิกที่เงียบขรึมไม่แสดงความรู้สึก ทำให้ป้าเครียดอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดเมื่ออายุประมาณ 45 ปีหมอที่โรงพยาบาลบอกว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะปลาย ในต้อนนั้นป้าต้องเข้า –ออกโรงพยาบาลเป็นประจำ การรักษาในสมัยนั้นยังไม่ดีเท่าสมัยนี้จนกระทั่งอายุ 47 ปีดูว่าจะหมดหวังแล้วหมอที่รักษาบอกให้ลูก ๆพาป้าไปตายที่บ้าน !ความทุกข์และความกังวลต่างๆรุมเร้าเข้ามาในครอบครัวทุกคนต่างก็เศร้าโศกเสียใจและจัดเตรียมสิ่งของต่าง ๆ เพื่อจัดงานศพให้ป้าเพราะคิดว่าป้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

วันหนึ่งขณะที่ป้าหลับก็ได้ฝันไปในความคิดของป้าความฝันช่างเหมือนความจริงเหลือเกินป้าฝันว่าตัวเองเดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแล้วก็เข้าไปทักทายผู้คนที่ได้พบแต่ก็ไม่มีใครได้ยินป้าเลยซักคน จนกระทั่งป้าได้พบชายชุดขาวมีหนวดเคราซึ่งป้าก็คิดว่านั่นคือพระเยซูคริสต์ ที่รู้จักพระองค์ก็เพราะลูก ๆเชื่อในพระเยซูคริสต์ ในตอนนั้นป้ายังไม่เชื่อแต่ป้าก็พอจะรู้บ้างว่าพระองค์เป็นใครจากเพื่อนๆของลูกสาวที่ได้มาอธิษฐานที่บ้านทุกวันอังคารถึงแม้ว่าป้าจะไม่ชอบแต่ก็มักจะให้ลูกชายทำอาหารเลี้ยงทุกครั้ง เมื่อป้ารู้แน่ว่าชายชุดขาวนั้นคือพระเยซูคริสต์ป้าดีใจและเดินไปบอกผู้คนให้ฟังพระเยซูพูดแต่ก็ไม่มีใครเห็นหรือได้ยินในสิ่งที่ป้าพยายามจะสื่อสาร เลยคิดในใจว่า “กลับบ้านดีกว่า จึงออกเดินเพื่อจะกลับบ้าน แล้วป้าก็ตื่นขึ้น ป้ามองเห็นเพื่อนๆของลูกที่มาจากโบสถ์มาอธิษฐานอยู่รอบตัวป้าแล้ว

หลังจากนั้นก็พาป้าไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คดูอีกครั้งเมื่อพบคุณหมอ หมอจึงทักว่า “อ้าว ! ยังไม่ตายเหรอ ”แต่ทุกคนก็เข้าใจในคำทักทายของคุณหมอเมื่อหมอตรวจดูอาการและรักษาป้าอย่างเต็มที่อีกครั้งไม่นานป้าก็กลับมาพักที่บ้านและไม่กี่เดือนจากนั้นป้าก็สามารถเดินไปไหนมาไหนได้และแห่งแรกที่ป้าเดินไปก็คือสถานประกาศของคริสเตียนซึ่งไม่ไกลจากบ้านของป้านักหลังจากนั้นไม่นานป้าก็ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดป้าอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์รวมทั้งไปนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์อย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาดป้ารู้สึกรักพระเจ้ามากด้วยพลังแห่งความรักของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ทรงมีความรักและความเมตตาต่อทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์ด้วยความจริงใจ

เมื่อผมได้เรียนบทเรียนทางชีวิตผมก็รู้สึกว่าชีวิตยังมีคุณค่าและมีความหวัง

เรียน พี่ ๆ ทีมงานสื่อมวลชนทางชีวิต หนังสือพลังอธิฐานที่พี่ส่งมาให้ผมได้รับแล้ว ผมต้องขอขอบพระคุณพี่ ๆ มาก ตนนี้ผมได้อ่านและอธิฐานในชีวิตประจำวันก่อนนอน ผมจะอธิฐานตอนที่เพื่อน ๆ หลับกันหมดแล้ว ตอนแรกผมคิดว่าชีวิตผมไม่มีค่าในความรู้สึกมีแต่ความท้อแท้ หมดหวัง หมดกำลังใจ มีชีวิตอยู่แบบไร้ญาติขาดมิตรมีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิตผมมากมาย

เมื่อผมได้เรียนบทเรียนทางชีวิตผมก็รู้สึกว่าชีวิตยังมีคุณค่าและมีความหวัง ผมคิดว่าคนเราถ้าทำสิ่งที่ดีแล้ว ชีวิตเราก็จะมีแต่สิ่งดี ๆ และชีวิตก็เป็นสิ่งที่มีค่าเสมอ ตอนนี้ผมมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมแล้ว เพราะผมได้อธิฐานและได้ต้อนรับพระเยซูคริสตเข้ามาในจิตใจ ได้อธิฐานขอให้พระองค์เป็นกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นที่จะอยู่ในมุมสี่เหลี่ยมอยู่ด้วยความชื่นชมยินดี

มนตรี

ดิฉันอยากได้สมุดโน๊ตและที่คั่นหนังสือฟรีเท่านั้น

ดิฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่ติดต่อกับสื่อมวลชนทางชีวิต เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ดิฉันได้ส่งจดหมาย มาเรียนบทเรียนทางไปรษณีย์ตอนอยู่ชั้น ป.3 เวลาผ่านมานานมาก ตอนนั้นดิฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เขียนจดหมายมาเพียงเพราะว่า ดิฉันอยากได้สมุตโน๊ต กับที่คั่นหนังสือฟรีเท่านั้น
จนเมื่อปี พ.ศ.2543 ดิฉันได้รับเชื่อพระเยซูที่คริสตจักรในจังหวัดลำพูน ดิฉันย้อนคิดกลับไป ดิฉันยังจำ ภาพระบายสี อาดัม เอวา บทเรียนพระคัมภีร์ได้ จนถึงทุกวันนี้ และในคำพยานชีวิตของดิฉันเวลาที่มีคนถามว่าเชื่อพระเจ้าได้อย่างไร ทุกครั้งที่ดิฉันตอบจะมีบทเรียนทางชีวิตและรายการเพื่อนคุณหนูอยู่ในคำพยานของดิฉันด้วยเสมอ

ดิฉันขอบคุณพระเจ้าสุดหัวใจของดิฉันในการทรงเรียกและเลือกดิฉันปัจจุบันดิฉันเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เป็นศิษยาภิบาลอยู่ที่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ดิฉันบุกเบิกคริสตจักรของพระเจ้า ร่วมกับมิชชันนารีเกาหลี ปัจจุบันนี้ดิฉันจบการศึกษาจากวิทยาลัยพระคริสตธรรมแมคกิลวารีมหาวิทยาลัยพายับแล้วค่ะ ที่ดิฉันเขียนจดหมายมานี้เพื่อขอบคุณพี่น้องทางชีวิตและอยากให้กำลังใจว่า เมล็ดแห่งข่าวประเสริฐที่ท่านหว่านนั้นเกิดผลแล้ว ดิฉันเชื่อว่ายังมีผลอีกมากที่อยู่ในเด็ก ๆ ที่ได้ดูรายการเพื่อนคุณหนูและเรียนบทเรียนทางไปรษณีย์ของสื่อมวลชนทางชีวิต และกำลังเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่และให้ผลที่ดีแก่สังคมขอพระเจ้าอวยพรคะ
สาวิตรี

ชีวิตที่เปลี่ยนไปเกิดกำลังใจที่จะทำสิ่งดีมายิ่งขึ้น

เมื่อก่อนนี้ชีวิตของฉันในแต่ละวัน เป็นคนใจร้อนมาก แต่ตอนนี้ได้คิดแล้วคะว่า ใจร้อนไปก็ไม่ได้ทำให้มีประโยชน์อะไร มีแต่ให้โทษแก่เรา และในทุกเช้าฉันอธิฐานขอให้พระเจ้าชี้นำทางในสิ่งที่ดีในการดำเนินชีวิต ในแต่ละวันทำให้มีความสงบและมีความคิดที่ดีกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ก็คิดถึงพระเจ้าขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย และก็สมดังปรารถนาไม่เคยที่จะมีอุบัติเหตุใด ๆ เกิดขึ้นเลย พระเจ้าให้กำลังใจในการทำงานต่าง ๆ ทำให้ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากที่ได้มารู้จักกับพระเจ้า และได้อ่านพระคัมภีร์เป็นที่หนุนใจ ให้เกิดกำลังใจในการทำสิ่งที่ดีในสายตาพระเจ้า

คุณใหม่ จ.สงลา

ตั้งแต่ข้าพพระเจ้าได้เรียนบทเรียนทางชีวิต ชีวิตของข้าพเจ้าได้รับการเปลี่ยนแปลงมาตลอด ทำให้ข้าพเจ้าได้พบความสุขที่แท้จริง มีมาจากน้ำพระทัยของพระเจ้าทำให้ข้าพเจ้าไม่ขัดสนในสิ่งใด ไม่มีความเศร้า มีแต่ความยิ้มแย้มเมื่อที่ข้าพเจ้ามีปัญหาทุกใจ เศร้าใจ หรือปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้ข้าพเจ้าตรมอยู่ในความทุกข์ ข้าพเจ้าจะอธิฐานต่อพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าไว้วางใจในพระเจ้า และองค์พระเยซูคริสต์มีความหมายต่อข้าพเจ้ามาก ทำให้ชีวิตข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข

ณิชากร จ.เชียงใหม่

ประทานส่งที่ดีให้กับผู้ที่รักพระองค์เสมอ

คุณอรทัยได้เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของตนว่า เมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา ชีวิตมีทั้งทุกข์และหมดหวัง เหมือนลอยคออยู่กลางทะเล หลังจากที่สามีได้เสียชีวิตไป ตอนนั้นอายุ 43 ปี เมื่อสามีผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวจากไปก็ขาดที่พึ่งและขาดกำลังใจอย่างมาก และยังมีลูกอีก 4 คนที่จะต้องเลี้ยงดูและต่อสู้อยู่เพียงคนเดียว ลูกชายคนโตก็อยากเรียนต่อวิศว ต้องหาเงินเรียนให้เขา ทั้งกลุ้มใจและคิดมาก มีเพื่อนชวนไปนั่งฝึกสมาธิหาความสงบที่ป่าช้าตั้ง 9 คืนนอนอยู่กับหลุมฝังศพ ก็ไม่เห็นอะไรดีขึ้น ใจก็ไม่สงบ คิดแต่เงิน3 หมื่นให้ลูกเรียน ได้ประกาศขายที่ดินถูกๆก็ไม่มีใครซื้อ ปวดหัวมากจึงไปหาน้องสาว เธอก็บอกว่า “ปวดหัวก็ไปโบสถ์สิพระเจ้าช่วยได้นะ” วัน

อาทิตย์ต่อมาคุณอรทัยจึงไปโบสถ์กับน้องสาว และลองอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยให้มีคนมาซื้อที่ดิน ไม่นานก็มีคนมาจากกรุงเทพฯช่วยซื้อและให้ราคาดี มากกว่าเดิมถึง 5 เท่าเลย ดีใจมาก ก็ขอบคุณพระเจ้า นอกจากเรื่องเงินแล้วก็ยังมีเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับสายตาที่มองเห็นไม่ชัดเพราะสายตายาวไม่เท่ากัน ทำให้เดินตกหลุมตกบ่ออยู่เรื่อย วันหนึ่งได้มีโอกาสไปประชุมกลุ่มคณะสตรีก็ได้รับการอธิษฐานเผื่อจากพี่น้องสตรีและการอัศจรรย์ของพระเจ้าก็เกิดขึ้น

คุณอรทัยสามารถเดินขึ้นลงบันไดได้เกือบ 100 ขั้นโดยไม่หกล้มเลย จึงเปิดใจต้อนรับพระเยซูเข้ามาในใจและเป็นผู้นำชีวิตตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา รู้สึกมีความสุขมากทั้งกายและจิตใจและขอบคุณพระเจ้าที่ทรงรักและเมตตาเธอกับลูกๆ พระเจ้าจะทรงประทานสิ่งที่ดีให้กับผู้ที่รักพระองค์เสมอ.

ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ จากวันนั้นมาภรรยาผมหายเป็นปกติ ไม่เจ็บปวดอีก

ผมทั้งทุกข์และกลุ้มใจมากเกี่ยวกับอาการปวดขาของภรรยา เธอปวดทรมานมากเป็นเวลาระยะ 3 เดือน ไปหาคุณหมอๆบอกว่า เป็นเพราะกล้ามเนื้ออักเสบก็ให้ยามารับประทาน แต่ก็ไม่ทุเลาเลย เธอร้องไห้ทุกครั้งที่เจ็บ ผมสงสารจนน้ำตาไหล ต่อมาเธอก็เดินไม่ได้เลย จนอยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนบ้านมาเยี่ยมและก็เล่าเรื่องพระเจ้าให้ฟังว่าพระองค์ทรงรักษาโรคได้ขอเพียงแต่เชื่อและยอมให้พระองค์รักษา ผมฟังแล้วอึ้งคิดใคร่ครวญอยู่พักใหญ่แล้วตอบรับเชื่อยอมให้พระเยซูรักษา เพื่อให้ขาภรรยาหายจากอาการเจ็บปวดเสียที และแล้วการอัศจรรย์ได้เกิดขึ้น ภรรยาผมได้นอนฝันเห็น มีชายคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวมีรัศมีสวยงามมาหาเธอ และได้ยินเสียงพูดแล้วเขาให้เธอพูดตามทุกถ้อยคำแต่ไม่ใช่ภาษาไทย เธอรู้สึกวูบวาบตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า

รุ่งขึ้นอาการเจ็บขาของเธอค่อยๆดีขึ้น 5 คืนต่อมาเกิดมีฝนฟ้าคะนองตกลงมาอย่างหนักจนทำให้แถวบ้านไฟฟ้าดับหมด ผมก็ดึงคัทเอาท์ลงกันไฟดูด ทุกคนต่างอยู่ในความมืด แต่ลูกสาวนอนอยู่อีกห้องหนึ่ง เธอลุกขึ้นเรียกด้วยความตื่นเต้น เพราะเธอเห็นรุ้งสีสวยงามสว่างจ้าตรงนอกหน้าต่างแล้วค่อยๆลอยเข้ามาในห้องของเธอสักครู่ก็หายไป เราจึงมั่นใจในพระสัญญาของพระเจ้าว่า พระองค์ทรงรับรู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นและรับรองคำอธิษฐานและการรับเชื่อของผมและภรรยาแล้ว ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ จากวันนั้นมาภรรยาผมหายเป็นปกติ ไม่เจ็บปวดอีก ครอบครัวจึงไปโบสถ์ นมัสการพระเจ้าทุกวันอาทิตย์ (มีความเชื่อเกิดขึ้นที่ไหนหมายสำคัญและการอัศจรรย์ของพระเจ้าก็จะเกิดขึ้นที่นั่น)

เชื่อพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ ขอบคุณที่พระองค์อวยพรมากมายในชีวิต สวัสดีค่ะพี่ทีมงานทางชีวิต ดีใจที่ได้เรียนบทเรียนทางไปรษณีย์ทางชีวิต ทำให้รู้ว่าพระเจ้าทรงรักเราและช่วยเราให้หลุดพ้นจากความบาป พระองค์ทรงมีความหมายต่อชีวิตของน้องมาก รู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก น้องได้ปฏิบัติตามที่บทเรียนแนะนำไว้ อธิษฐานทุกวัน อ่านพระคำของพระเจ้าทุกวัน ขอบพระคุณพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยหลายอย่างไม่ว่าเราเจ็บป่วยอธิษฐานขอต่อพระองค์ให้รักษา พระองค์ก็รักษาให้หาย ยามที่เหน็ดเหนื่อยอธิษฐานขอกำลังก็ได้ พระองค์ดูแลเราตลอด พระองค์ทรงอวยพรในหน้าที่การงาน พระองค์ทรงยิ่งใหญ่จริงๆ อยู่กับเราตลอดเวลา น้องแต่งงานแล้ว เมื่อก่อนครอบครัวของน้องย่ำแย่มากๆ ไม่เคยมีความสุขเลย ที่ต้องทะเลาะกับแฟนทุกวัน น้องอธิษฐานต่อพระเจ้าขอพระองค์ทรงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนใหม่ ตอนนี้เขาไม่ดื่มเหล้าแล้ว พระเจ้าทำได้จริงๆ น้องเชื่อพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ ขอบคุณที่พระองค์อวยพรมากมายในชีวิต ตอนนี้น้องรักพระเจ้ามากๆ ไม่มีสิ่งใดที่จะเปลี่ยนความคิดนี้ได้ น้องตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนแล้ว นี้แหละพระพรที่พระเจ้าประทานให้

พระเยซูได้เปลี่ยนแปลงชีวิตและความคิดของดิฉัน
ชีวิตก่อนหน้านี้ดิฉันเป็นคนใจร้อนมาก โกธรก็ง่าย ชอบชกต่อยกับเพื่อนบ่อย ๆ บางทีไม่มีเรื่องก็หาเรื่องให้มี ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเลย แต่ชอบช่วยเพื่อนต่อยกับเพื่อนอีกทีหนึ่ง ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ขอแต่เงินไปเที่ยวอยู่บ่อย ๆ ถ้าพ่อแม่ไม่ให้ก็จะโกรธอาละวาด พอได้เงินก็จะพาเพื่อนไปเลี้ยงในร้านที่ต้องจ่ายเงินแพง ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เป็นเพียงลูกชาวนาค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
ดิฉันอวดเก่ง คุยโต หยิ่ง คิดว่าในบรรดาเพื่อนคนหูหนวกด้วยกัน ตัวเองเป็นคนสวยที่สุด ชอบซื้อเสื้อผ้าแพง ๆ รองเท้าก็แพง แต่งตัวก็ออกวับ ๆ แวม ๆ จนเพื่อน ๆ หมั่นไส้ จริงแล้วมันเป็นการกระทำที่ลบปมด้อยของตัวเองมากกว่า เพราะดิฉันคิดอยู่ในใจเสมอ แม้คนอื่นจะมองเราเป็นคนหนูหนวกแต่เราก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับเขา แท้จริงแล้วในใจลึก ๆ ไม่มีสันติสุขเลย เพราะทุกสิ่งที่ทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
จนดิฉันได้รู้จักและเชื่อในพระเจ้าผ่านทางสามีของดิฉํน ดิฉันจึงแปลกใจตื่นเต้น ที่พระเยซูได้เปลี่ยนแปลงชีวิตและความคิดของดิฉัน ตั้งแต่เชื่อพระเจ้ามาไม่เคยคิดที่จะชกต่อยกับเพื่อนอีกเลย เพราะสงสารเพื่อน รักเพื่อนแทน มีความถ่อมใจและใจเย็นลงมาก ยิ่งกว่านี้อีกคืออยากช่วยพ่อแม่ทำงานและค้าขายที่บ้านด้วยค่ะ รู้จักประหยัดอดออมเลิกซื้อของแพงทั้งหมด เลิกแต่งตัวที่ไม่เรียบร้อยนั้นเสีย เพราะรู้สึกอายมาก ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ไถ่ชีวิตและรักดิฉัน ดิฉันจึงรักพระองค์และไปโบสถ์เพื่อนมัสการพระองค์ทุกวันอาทิตย์ไม่ขาดเลยค่ะ

คุณประภา

เมื่อได้รับบทเรียนของสื่อมวลชนทางชีวิตนี้ เราก็รู้สึกดีใจที่พระเจ้าทรงทำงานผ่านทางผู้รับใช้ให้ได้รับการแก้ไขใบประกาศให้กับข้าพระองค์ใหม่ ทั้งชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ขอบคุณองค์พระเยซูคริสต์ ได้อ่านและได้ศึกษาเรียนรู้ว่าจิตใจมนุษย์เป็นอย่างไร เราได้รับพระวิญญาณจากพระเจ้าในด้านที่เราได้บังเกิดใหม่ และได้รับชีวิตใหม่ของพระเยซูคริสต์ คือรับชีวิตใหม่ รับนิสัยใหม่ รับวิญญาณใหม่ พระองค์ทรงสร้างขึ้นใหม่ พระองค์ทรงสร้างจิตใจของเราใหม่เป็นจิตใจที่รักพระเจ้าและเกลียดชังบาป หลายครั้งเราเกลียดสิ่งที่เราควรรัก และเรากลับรักสิ่งที่เราควรเกลียด ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว แต่ข้าพเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ดังนั้นพระเยซูคริสต์คือผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เรา

คุณนรินทร์ พรมเท้า

เมื่อก่อนตัวผมเองมีจิตใจที่สับสนมากเมื่อผมได้รับบทเรียนของสื่อมวลชนทางชีวิตทำให้ผมได้มองโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปพรเยซูคริสต์ทรงอยู่ในตัวผมทำให้ชีวิตผมมีความหมายและสามารถมีหนทางหลีกเลี่ยงในความบาปต่างๆ ได้ด้วย เมื่อมีพระเจ้าพระองค์ก็ทรงนำให้ผ่านไปได้ ขอบคุณพระเจ้า ขอพระเจ้าอวยพร

โดย

คุณปาณ วิไลวรรณ

พระเยซูคริสต์ทรงเปลี่ยนอุปนิสัยของผมเมื่อก่อนนิสัยของผมดื้อด้านมากไม่ค่อยฟังใคร พระเยซูคริสต์ทรงช่วยเหลือผมในทุกสิ่งทุกอย่างทรงทำให้ผมมีความรักต่อผู้อื่น พระองค์ทรงรักผมแม้ผมเป็นคนบาปหนักหนา เมื่อก่อนผมไม่ค่อยใส่ใจในความรักของพระองค์มากเท่าไหร่จนกระทั่งผมได้เข้ามาอยู่ในนี้ และได้ศึกษาพระคัมภีร์ทางไปรษณีย์กับสื่อมวลชนทางชีวิต ก็เลยเข้าใจความหมายในชีวิตที่มีพระเยซูคริสต์คอยช่วยเหลือขอบคุณพระเจ้า

คุณสมชาย แซ่มู่

เมื่อที่ข้าพเจ้าได้เปิดใจต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิตข้าพเจ้าก็ได้เห็นว่าตัวของข้าพเจ้านั้นเต็มไปด้วยบาปแต่เมื่อข้าพเจ้ารู้แล้วและยินยอมให้พระองค์เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิต ชีวิตของข้าพเจ้ารู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิม ความรู้สึกนี้ยากที่จะอธิบายได้เหมือนว่าของที่หนักอยู่ในใจถูกยกออกไป พระองค์มีความหมายมากน้อยเพียงไรนั้นข้าพเจ้ารู้สึกถ้าวันไหนที่ไม่ได้อ่านพระวจนะของพระเจ้าแล้วจิตใจก็หงุดหงิดเหมือนขาดไรไป คือมากเกินกว่าที่จะอธิบาย บอกได้เลยว่า พระเยซูคริสต์มีความหมายเหนือสิ่งอื่นใดของชีวิต และขอเป็นพยานว่าพระองค์คืออมตะของชีวิต ขอบคุณพระเจ้าและขอบคุณบทเรียนที่ทำให้ได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น ขอพระเจ้าอวยพรครับ

คุณคมสัน แซ่เถา

ข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้เรียนบทเรียนทางไปรษณีย์กับทางชีวิตและได้รู้จักเรียนพระวจนะของพระเจ้าทำให้รู้ว่าพระเจ้าทรงรักเราและช่วยเราให้หลุดพ้นจากความบาป รู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นความรักพระองค์ทรงมีความหมายต่อชีวิตของข้าพเจ้ามากข้าพเจ้าได้อ่านพระคัมภีร์และได้อธิฐานทุกวันขอบคุณพระเจ้าพระองค์ทรงช่วยชีวิตให้มีความสุข ยามข้าพเจ้าเหน็ดเหนื่อยได้อธิฐานขอกำลังกายกำลังใจ พระองค์ทรงดูแลเราตลอดเวลา ทำให้ชีวิตมีความสุขที่แท้จริงข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้าและจะมอบชีวิตให้พระองค์ตลอดไป ขอบคุณพระองค์ที่ทรงประทานทุกสิ่งให้แก่ข้าพเจ้า

คุณ ประดับ ขันติจิตร

พระองค์เป็นกำลังใจเป็นความหวังเป็นที่พึ่งในยามข้าพระองค์สิ้นหวังหรือท้อแท้พระองค์ไม่เคยห่างข้าพระองค์ไปไหน คือว่าทุกคนที่เข้ามาอยู่ ณ จุดนี้ล้วนแต่ต้องพบต้องเจอกับความผิดหวังท้อแท้สิ้นหวังปะปนกับน้ำตาสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือ กำลังใจ” สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการถูกทอดทิ้ง” จากคนที่เรารักหรือคนรอบข้างแต่พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งข้าพระองค์คอยเป็นกำลังใจให้ข้าพระองค์เสมอขอบคุณพระเจ้ามากครับ ขอพระเจ้าอวยพรทีมงานในการรับใช้ครับ

คุณศักดา สิปรายุทธิ

คำพยานชีวิตของข้าพเจ้า ราวรรณ ช่างสอน แต่ก่อน เป็นคนที่ยังไม่เชื่อในพระเจ้า เพราะพ่อแม่ เป็นพุทธ ข้าพเจ้าชอบทำบุญมาก เพราะคิดว่าเราทำบุญเยอะๆจะทำให้เราได้รับความรอด ทำอะไรก็จะดี และสบายใจ แต่ยิ่งทำชีวิตก็ไม่มีความสุข ยิ่งมีแต่หนี้สินเยอะมาก จนต้องคิดอยากจะไปทำงาน มาใช้หนี้ จึงตัดสินใจกับสามีไปทำงานที่เกาหลีเพราะกำลังไปกันมากจึงลักลอบเข้าไปกับสามี พอเข้าไปทำงานลำบากมาก เพราะเราไม่ถูกต้องทำให้เราท้อแท้ กลัวถูกตำรวจจับ แต่ได้ไปอยู่เก้าแก่คริสเตียนใจดีมาก และอยู่ได้ 3 เดือน คนไทยด้วยกันก็บอกให้ข้าพเจ้ากับสามีให้ออกจากที่ทำงานไปไหนก็ได้ไม่ไปจะแจ้งตำรวจจับ ช่วงเวลานั้นข้าพเจ้ากับสามีถึง อึ้งไปเลย มันมืดในความคิด จะทำยังไงดีหนี้สิน ยังไม่หมด นั่งร้องให้คุกเข่าลงจุดธูปจนเต็มหน้าห้อง คิดว่าจะมีทางออก จนเก้าแก่ผู้หญิงบอกว่าเธอทำอะไร ข้าพเจ้าก็บอกว่าไหว้พระ เก้าแก่บอกว่าไม่ดีหรอก พระเยซูดี แต่เราไม่เชื่อกลับพูดในใจว่า ไม่มีใครดีกว่าศาสนาพุทธหรอก และโทรหาแม่ดูดวงให้หน่อย หมอดูบอกว่าเอามา 10,000 บาท จะช่วยไม่ให้ออกจากที่ทำงาน ข้าพเจ้าจึงโอนเงินไปให้หมดดู และวันพรุ่งนี้ข้าพเจ้าได้ออกจากที่นั่นโดยการช่วยเหลือของพระเจ้าผ่านเก้าแก่ที่เป็นคริสเตียนของพี่ชาย ข้าพเจ้าจึงได้ยินข่าวประเสริฐและอาจารย์จากเกาหลี เป็นคนประกาศให้ข้าพเจ้ากับสามี ความทุกข์ที่เราเจอ เพราะเราเป็นคนบาป อาจารย์บอกว่าอยากจะหลุดพ้นจากความผิดบาป และการแช่งสาปไหม เราไม่มีพระผู้ช่วยเราจึง มีแต่ปัญหา อุปสรรคและความทุกข์ ข้าพเจ้ากับสามีจึงรีบรับเชื่อเลย เพราะอยากหลุดพ้นจากความบาป และเมื่อข้าพเจ้าติดตามพระเจ้า อ่านพระคำ อธิษฐาน ทำให้ข้าพเจ้ามีสันติสุข มีแต่ความรักของพระเจ้าผ่านผู้คนรอบข้างที่พระเจ้าให้ผ่านผู้คนคนเหล่านั้น โดยที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และชีวิตที่แตกต่างจากเมื่อก่อนยังไม่เชื่อพระเจ้า ทุกวันนี้ข้าพเจ้ารักพระเจ้ามาก กลับจากเกาหลี และรับใช้พระเจ้าด้วยสุดใจ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ชีวิตใหม่